การเชื่อมต่อ แผ่น precast มีการเชื่อมกี่แบบ

แผ่น precast หรือแผงผนังคอนกรีตสำเร็จรูป เป็นนวัตกรรมใหม่ของการก่อสร้างที่จะช่วยทำให้เกิดความสะดวกในการก่อสร้างและเกิดความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ไม่จำเป็นต้องก่อกำแพงในแบบเก่าอีกต่อไป ผนังสำเร็จรูปจะถูกสร้างขึ้นจากโรงงานและทำการขนย้ายไปยังพื้นที่ที่ต้องการติดตั้ง ซึ่งการติดตั้งแผ่นผนังคอนกรีตสำเร็จรูปประเภทนี้ ก็มีวิธีการติดตั้งที่เหมาะสมกับในแต่ละสถานที่ หรือในแต่ละรูปแบบของการใช้งานที่แตกต่างกันไป ซึ่งวันนี้เราก็จะมาแนะนำการเชื่อมต่อ หรือการติดตั้งแผนที่ให้คุณได้ทำความรู้จักกัน 

ประเภทของการเชื่อมต่อ แผ่น precast ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป 

ประเภทของการเชื่อมต่อ แผ่น precast จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ซึ่งมีระบบการทำงานที่แตกต่างกันไป ได้แก่… 

1. การเชื่อมต่อแบบเกลียว 

การเชื่อมต่อแบบสลักเกลียว เป็นวิธีการประกอบที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด สามารถทำการจัดตำแหน่งและการปรับการเชื่อมต่อขั้นสุดท้ายได้ ซึ่งสามารถทำได้ในภายหลังโดยไม่ต้องเสียเวลากับเครนอีกต่อไป และสลักเกลียวควรเป็นไปตามแบบก่อสร้างโดยใช้วัสดุที่ผู้ออกแบบกำหนดเท่านั้น  

2. การเชื่อมต่อแบบเชื่อม  

การเชื่อมแบบเชื่อม เป็นการเชื่อมต่อทั่วไปและโดยทั่วไปที่ใช้ในการก่อสร้างคอนกรีตสำเร็จรูป การเชื่อมต่อเหล่านี้มีโครงสร้างที่มีประสิทธิภาพ และปรับให้เข้ากับสภาพสถานที่ที่ติดตั้งแตกต่างกันได้อย่างง่ายดาย การเชื่อมต่อมักจะทำโดยการวางแผ่นหลวม ๆ ระหว่างแผ่นเหล็กโครงสร้าง 2 แผ่นที่ฝังทั้งแบบหล่อในที่ หรือแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปและเชื่อมเข้าด้วยกัน 

3. การเชื่อมต่อสลักเดือย / สมอ 

ในการเชื่อมต่อแบบเดือย ความแข็งแรงของเดือยในการรับแรงดึง หรือแรงเฉือนจะขึ้นอยู่กับเส้นผ่านศูนย์กลางเดือย ความยาวฝัง และการพัฒนาพันธะสลักเกลียวแบบเกลียว และเดือยยึดเหล็กเส้นที่ยื่นออกมาจากฐานรากเป็นข้อต่อแรกที่สำคัญกับชิ้นส่วนสำเร็จรูป  

นอกเหนือไปจากคุณภาพของ แผ่น precast แล้ว คุณภาพของอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อ และการเชื่อมต่ออย่างถูกต้องในแต่ละสถานที่และแต่ละรูปแบบการใช้งานนั้นก็มีความสำคัญไม่แพ้กันเลย ซึ่งจะต้องทำอย่างถูกต้องตามหลักการ และใช้วัสดุที่มีคุณภาพมีความแข็งแรงเท่านั้น  

การเชื่อมต่อ แผ่น precast แต่ละแผ่นเข้าด้วยกัน จะต้องมีการวางแผนล่วงหน้าทั้งในเรื่องของพื้นที่ที่ต้องติดตั้ง การแบ่งสัดส่วนกั้นห้อง และการแบ่งแยกหน้าที่ของ แผ่น precast ในแต่ละประเภทที่ทำงานแตกต่างกันไป ดังนั้นจึงต้องอาศัยความชำนาญและความรู้ของผู้เชี่ยวชาญ ถึงจะมีการออกแบบและก่อสร้างออกมาได้อย่างถูกต้อง ตามมาตรฐานของการก่อสร้างและในขณะเดียวกันก็จะต้องมีการออกแบบที่โดนใจ ผู้ที่ว่าจ้างอีกด้วย ถึงแม้ว่าพื้นที่บางพื้นที่อาจจะสามารถปรับแก้ได้ แต่การติดตั้งเพียงครั้งเดียวอย่างเป็นระบบ จะเป็นการทำงานที่มีคุณภาพดีมากที่สุด